เมื่อวันที่ 11 พ.ค.68 เฟสบุ๊ค Aksika Chantarawinij ได้โพสต์ข้อความระบุว่า · #ตามหาพ่อ #เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร มีพี่คนนึงที่ทำงานกับเรามานานค่ะ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พาน้องมาอยู่ด้วยกันที่ร้านตั้งแต่ยังเด็ก พวกเราทุกคนรักและเอ็นดูน้องเหมือนลูกเหมือนหลาน คอยช่วยกันดูแล สร้างรอยยิ้มให้เขาโตมาอย่างเข้มแข็งและสดใส ที่ผ่านมา เราบอกน้องเสมอว่า “ป๋าอยู่ต่างประเทศ” เพื่อให้น้องสบายใจ ไม่รู้สึกขาดอะไรไป แต่เมื่อไม่นานมานี้ น้องโตพอจะค้นหาคำตอบเองได้ จึงลองเสิร์ชชื่อพ่อจากสูติบัตรใน Google แล้วก็พบว่า… พ่อแท้ ๆ ของตัวเองเป็นถึงนายตำรวจ ยศ พ.ต.อ. มีตำแหน่ง มีชื่อเสียง และดูเหมือนจะเป็นคนดีมากในภาพลักษณ์สื่อ แต่น่าเศร้าที่ชีวิตจริงไม่เหมือนในละคร น้องพยายามติดต่อ ไปหาท่านที่ทำงาน ท่านไม่ออกมาพบ ส่งลูกน้องมาด่าว่าอย่ามายุ่ง … น้องลองอีกครั้ง ไปหาท่านด้วยหัวใจที่หวังจะได้คำพูดดี ๆ สักประโยค กลับถูกตะคอกว่า “มาทำไม”
จนสุดท้ายนัดเจอกันที่สถานที่แห่งหนึ่ง … น้องเล่าความฝันว่าอยากเรียนมหาวิทยาลัย อยากให้พ่อช่วยดูแลบ้าง เพราะแม่ก็เริ่มป่วย ทำงานหนักไม่ไหวเหมือนแต่ก่อน น้องเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ทำ Part-time บ้าง แต่รายได้ยังไม่มากพอที่จะดูแลตัวเองและแม่ คำตอบที่ได้ไม่ใช่ความเข้าใจ ไม่ใช่ความเอ็นดู แต่คือ “เรียนอะไร? ไม่ไหวหรอก จะให้ส่งเสียเหรอ ไปขอทุน ไปกู้เอาเอง” แล้วก็…จบด้วยการบล็อกเบอร์ และกำชับว่า “อย่ามาที่ทำงานอีก ผมจะได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่อยากมีเรื่อง!” …คุณพ่อคะ ออกสื่อบ่อยนะคะ เห็นมอบทุนช่วยเหลือเด็กหลายองค์กร แต่ลูกแท้ ๆ ของคุณ กลับถูก
ผลักไสให้เป็น “คนไม่มีตัวตน” นั่งร้องไห้ในมุมมืดด้วยหัวใจที่แตกสลาย วันนี้เราไม่เงียบอีกต่อไป เราอยากให้ทุกคนรู้ว่า มีนายตำรวจมียศท่านหนึ่ง ที่ทิ้งลูกของตัวเองให้ไร้อนาคต ทั้งที่เด็กคนนั้นน่ารักมาก และมีความฝันเหมือนเด็กทั่วไป ขอไม่เบลอหน้าน้องนะคะ..เพราะเราภูมิใจในตัวน้อง และอยากให้คุณพ่อได้เห็นว่า “ลูกสาวของคุณโตพอจะยืนหยัดได้ แม้คุณจะเลือกไม่ยืนข้างเธอก็ตาม” ฝากบอกคุณพ่อด้วยนะคะ ว่าวันนี้ลูกมารอคุณแล้ว…ที่หน้าฟีดของทุกคน … #พิมไปร้องไป #รักพี่หนูที่สุดค่ะ #DNAอยู่บนหน้าลูก #ที่นี่สมุทรปราการ