
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ผู้ป่วยสาววัย 21 ไม่เคยตรวจสุขภาพมาก่อน จนกระทั่งมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง คลื่นไส้ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว และหมดสติจนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์ตรวจพบว่าเธอป่วยเป็นโรคตับวายระยะที่ 4 จากการละเลยพฤติกรรมการกินที่ดูเหมือนไม่มีผลเสีย แต่แท้จริงแล้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก

รู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืด และไม่ค่อยอยากอาหาร สาเหตุหลักมาจากการไม่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำให้ตับถูกทำลายอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพตับ
1. งดอาหารเช้าเป็นเวลานาน

ตับต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
– กระตุ้นฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ส่งผลเสียต่อตับและระบบเผาผลาญ
2. เลือกอาหารเช้าที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด ไส้กรอก
– เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับ (NAFLD)
– ทำให้ตับอักเสบหรือเกิดภาวะตับแข็งในระยะยาว

3. กินยาและอาหารเสริมขณะท้องว่าง
– ยาบางชนิด เช่น พาราเซตามอล ยาแก้อักเสบ NSAIDs หากรับประทานผิดเวลา อาจทำให้ตับเสียหาย
– ข้อมูลจากวารสาร Liver International ระบุว่า 25% ของผู้ป่วยตับอักเสบเฉียบพลันเกี่ยวข้องกับการใช้ยาผิดวิธี
4. ขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะช่วงเช้า
– ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ส่งผลให้ตับทำงานหนักขึ้น
– การเคลื่อนไหวเบาๆ เช่น เดินเล่น โยคะ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและขับสารพิษออกจากตับ
5. นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
– กระทบต่อระดับน้ำตาลและฮอร์โมนความเครียด
– ตับมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมร่างกายตอนกลางคืน
ข้อมูลSoha
